top of page

นิราศภูเขาทอง

คุณค่าของนิราศภูเขาทอง

นิราศภูเขาทองเป็นนิราศเรื่องที่ดีที่สุดมีคุณค่าหลายด้านดังนี้

๑. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ 

๑.๑ มีสัมผัสนอก คือคำสุดท้ายในวรรคสดับ และวรรครองส่งสัมผัสกับคำที่ ๓ ในวรรครับ และวรรคส่งเสมอ ส่วนสัมผัสในจะมีปรากฏภายในวรรคทุกวรรค ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ทำให้กลอนมีความไพเราะยิ่งขึ้น เช่น

"ดูน้ำวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกรอก

กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน

บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวนเหมือนกงเกวียน

ดูเปลี่ยนเปลี่ยนคว้างคว้างเป็นหว่างวน"

สัมผัสในวรรคเช่น  วิ่ง-กลิ้ง,  เชี่ยว-เกลียว,  ฉอก-ฉาด-ฉัด-ฉวัด-เฉวียน

๑.๒ ใช้ถ้อยคำกระทบใจผู้อ่าน ทำให้ผู้อ่านอารมณ์สะเทือนใจร่วมไปกับกวี  เช่น

"ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด

คิดถึงบาทบพิตรอดิศร

โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร

แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น

พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด

ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็น

ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น

ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา"

กล่าวถึงชีวประวัติของสุทรภู่ ที่เคยเฝ้าใกล้ชิดพระยุคลบาทรัชกาลที่ ๒ เมื่อสิ้นพระองค์ สุนทรภู่อยู่ในภาวะตกยาก ซึ่งผู้อ่านรู้สึกสะเทือนอารมณ์เป็นยิ่งนัก

๑.๓ การเล่นคำ เล่นความ เป็นกลวิธีใช้คำพ้องรูป พ้องเสียง พ้องความหมาย การซ้ำคำ

ซ้ำความ ทำให้ได้ความหมายที่ลึกซึ้ง กระทบใจ เช่น

"ถึงบางพลัดพี่พลัดมาขัดเคือง

ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมาร้อนรน"

๑.๔ การกล่าวเชิงเปรียบเทียบ (อุปมาอุปไมย) ไม่กล่าวตรงไปตรงมา เป็นความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์  และความรู้สึกของกวี เช่น การเปรียบเทียบดอกบัวกับดาวที่พร่างพราว

"กระจับจอกดอกบัวบานผกา

ดาษดาดูขาวดังดาวพราย"

หรือตอนที่สุนทรภู่รำพันถึงรัชกาลที่ ๒ ด้วยความโศกเศร้า ว่าเคยเป็นที่โปรดปราน แต่เมื่อสิ้นรัชสมัย ก็ต้องตกระกำลำบาก เช่น

"เคยมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตระหลบ

ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา

สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา

วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์"

๑.๕ การใช้โวหารอธิพจน์  คือกล่าวเกินจริง เพื่อเน้นอารมณ์และความรู้สึก 

เช่น สุนทรภู่กล่าวตอนมาถึงตลาดขวัญว่า

"โอ้พสุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น

ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร

เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้

ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย"

๑.๖ การใช้โวหารเลียนเสียงธรรมชาติ ทำให้ผู้อ่านนึกเห็นภาพ และทำให้เกิดเสียงที่ไพเราะ เช่น ตอนเรือไปถึงราชครามในตอนเย็นและค่ำ ว่า

ไม่เห็นคลองต้องค้างอยู่กลางทุ่ง

พอหยุดยุงฉู่ชุมมารุมกัด

เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด

ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอน" (แปะ คือ เสียงตบยุง)


๒. คุณค่าด้านความรู้

๑. เกี่ยวกับคติชาวบ้าน  การเชื่อเรื่องเกี่ยวกับพระธาตุ คนที่มีบุญวาสนาเท่านั้น  ที่จะได้ครอบครองพระธาตุ   เช่น

พอกราบพระปะดอกประทุมชาติ

พบพระธาตุสถิตในเกสร

สมถวิลยินดีชุลีกร

ประคองช้อนเชิญองค์ลงนาวา

กับหนูพัดมัสการสำเร็จแล้ว

ใส่ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา

มานอนกรุงรุ่งขึ้นจะบูชา

ไปปะตาตันอกยิ่งตกใจ

แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ

ใจจะขาดคิดมาน้ำตาไหล

โอ้บุญน้อยลอยลับครรไลไกล

เสียน้ำใจเจียนจะดิ้นสิ้นชีวัน

 ๒. ตำนานสถานที่   เช่น

ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า

พระพุทธเจ้าบำรุงซึ่งกรุงศรี

ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี

ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว

๓. เกี่ยวกับสภาพบ้านเมืองการประกอบอาชีพ เช่น วิถีชีวิตของชาวญวน 

ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง

มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย

ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย

พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง

และ

ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า

ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา

เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา

ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย

๔. ให้ข้อคิดอันมีคุณค่า เป็นการแสดงทัศนะกวี  ซึ่งหมายถึงความเห็นของกวีที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น

“ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก

เผยอแยกยอดสุดก็หลุดหัก

โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก

เสียดายนักนึกน่าน้ำตากระเด็น

กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ

จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น

เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น

คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น”

สุนทรภู่ให้ข้อคิดว่า แม้เจดีย์ที่เคยสวยงามก็มีวันทรุดโทรม ชื่อเสียงเกียรติยศก็เช่นเดียวกัน ย่อมมีเสื่อม จึงไม่ควรยึดติด ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ล้วนเป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงแท้แน่นอน

“ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์

มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต

แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร

จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา”

เป็นการสอนให้รู้จักพูด พูดดีจะเป็นมงคลแก่ตัว มีคนรัก การพูดไม่ดีมีแต่จะสร้างศัตรู สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ หรือการชี้ให้เห็นโทษของการดื่มสุรา และการมัวเมาในความรัก เช่น

"ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง

มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา

โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา

ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย

ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ

พระสรรเพชญ์โพธิญาณประมาณหมาย

ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย

ไม่ใกล้กลายแกล้งเมินก็เกินไป

ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก

สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน

ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป

แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน"

bottom of page